พุทธมณฑลเชียงใหม่ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านสันติสุข ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2567 ภายใต้การนำของ พระเทพมังคลาจารย์ (สมาน กิตติโสภโณ) เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ และพระมหาเถระผู้ปกครองคณะสงฆ์ในจังหวัดเชียงใหม่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของพระเทพมังคลาจารย์ ร่วมกับความสามัคคีของคณะสงฆ์ การสนับสนุนอย่างแข็งขันจากชุมชน และศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้การก่อสร้างพุทธมณฑลเชียงใหม่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น โครงการนี้สะท้อนถึงความร่วมมืออันทรงพลังของทุกภาคส่วนที่มีจุดมุ่งหมายร่วมกันในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาและสร้างศูนย์กลางทางธรรมะในภาคเหนือของประเทศไทย

โดยศูนย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนาในประเทศไทยและเป็นสถานที่ที่สะท้อนถึงพระราชวิสัยทัศน์ในการสร้างพื้นที่สำหรับการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติธรรมที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน พุทธมณฑลแห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญในการศึกษาพระพุทธศาสนาและการปฏิบัติธรรม สร้างเสริมวิถีชีวิตที่ยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นจุดหมายปลายทางของผู้ศรัทธาและผู้มาเยือนที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาและทำบุญตลอดทั้งปี โดยศูนย์แห่งนี้ได้รับการดูแลจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งได้ผสมผสานองค์ประกอบทางพุทธศิลป์และสถาปัตยกรรมตามแบบฉบับของพระพุทธศาสนา พุทธประวัติ รวมถึงเจดีย์ขนาดใหญ่ รูปปั้นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ สระน้ำสงบ และสวนที่ตกแต่งอย่างงดงาม โดยมีเส้นทางเดินที่เชื่อมโยงสถานที่สำคัญต่างๆ ภายในศูนย์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการศึกษาด้านพระพุทธศาสนา การศึกษาธรรมะ การปฏิบัติธรรมและการเจริญสติ


ความสำคัญของพุทธมณฑลเชียงใหม่
พุทธมณฑลเชียงใหม่มีความสำคัญอย่างยิ่งในด้านการส่งเสริมและเผยแพร่พระพุทธศาสนาในภาคเหนือของประเทศไทย โดยเป็นศูนย์กลางสำหรับการศึกษาธรรมะและการปฏิบัติธรรมในบรรยากาศที่สงบสุข นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญที่เชื่อมโยงพระสงฆ์และฆราวาสให้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมทางศาสนาและการพัฒนาจิตใจ พุทธมณฑลเชียงใหม่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้คำสอนของพระพุทธเจ้าให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป โดยมีพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่รองรับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การสวดมนต์ การเจริญสมาธิ การศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา และการสนทนาธรรม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความสงบจิตใจและความเข้าใจในคำสอนของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ พุทธมณฑลเชียงใหม่ยังมีบทบาทในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพระสงฆ์และชุมชน เพื่อเสริมสร้างความเป็นหนึ่งเดียวในสังคมและสร้างความสงบสุขในชุมชนทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ


การจัดการบริหารพื้นที่พุทธมณฑณเชียงใหม่ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้

ส่วนที่ 1 : เขตพุทธาวาส คือ เขตพื้นที่กึ่งสาธารณะสำหรับกิจกรรมที่เชื่อมโยงพระสงฆ์และฆราวาส ซึ่งใช้สำหรับการประกอบกิจกรรมทางศาสนาและการปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะการสักการะบูชาพระพุทธรูปหรือองค์พระพุทธศาสนาซึ่งมักจะประกอบด้วยอาคารต่าง ๆ เช่น พระอุโบสถ, วิหาร, และศาลาการเปรียญ ซึ่งใช้สำหรับการทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการนมัสการต่างๆและศึกษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เขตพุทธาวาสเป็นพื้นที่ที่สงบและเหมาะสมสำหรับการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและการศึกษาธรรมะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างศาสนาและชุมชน
ส่วนที่ 2 : เขตสังฆาวาส คือ เขตพื้นที่ที่สงบและเหมาะสมสำหรับการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและการศึกษาธรรมะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างศาสนาและชุมชน เขตสังฆาวาส: พื้นที่สงวนไว้สำหรับการดำเนินกิจกรรมของพระสงฆ์และคณะสงฆ์ เช่น การจำพรรษา การปฏิบัติธรรม การศึกษา หรือกิจกรรมทางศาสนาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์และคณะสงฆ์เท่านั้น เขตสังฆาวาสจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่สงวนไว้สำหรับการปฏิบัติภารกิจทางสงฆ์และการดำรงชีวิตของพระสงฆ์ โดยไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้หรือเข้าไปในพื้นที่นี้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากคณะสงฆ์
ส่วนที่ 3 : เขตธรณีสงฆ์: พื้นที่หที่พระสงฆ์หรือคณะสงฆ์ถือครองและใช้สำหรับการประกอบกิจกรรมทางศาสนา เช่น การสร้างวัด การปฏิบัติธรรม หรือการดำเนินกิจกรรมทางศาสนาอื่น ๆ โดยพื้นที่นี้ถือเป็นสมบัติของคณะสงฆ์หรือองค์กรศาสนา ซึ่งมีสถานะทางกฎหมายที่ช่วยให้สามารถใช้ที่ดินเพื่อประโยชน์ทางศาสนาได้โดยไม่ถูกบุกรุกหรือใช้ในทางอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติธรรม เป็นพื้นที่สาธารณะที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาและการฝึกปฏิบัติธรรม

พุทธมณฑลเชียงใหม่ ตั้งอยู่ในอำเภอดอยหล่อ ก่อตั้งขึ้นในต้นปี 2024 ภายใต้การนำของพระเทพมงคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน และพระมหาเถระเจ้าผู้ปกครองจังหวัดเชียงใหม่ โดยศูนย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนาในประเทศไทยและเป็นสถานที่ที่สะท้อนถึงพระราชวิสัยทัศน์ในการสร้างพื้นที่สำหรับการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติธรรมที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน ศูนย์แห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญในการศึกษาพระพุทธศาสนาและการปฏิบัติธรรม สร้างเสริมวิถีชีวิตที่ยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นจุดหมายปลายทางของผู้ศรัทธาและผู้มาเยือนที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาและทำบุญตลอดทั้งปีโดยศูนย์แห่งนี้ได้รับการดูแลจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติซึ่งได้ผสมผสานองค์ประกอบทางศิลปะและสถาปัตยกรรมตามแบบฉบับของพระพุทธศาสนา รวมถึงเจดีย์ขนาดใหญ่ รูปปั้นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ สระน้ำสงบ และสวนที่ตกแต่งอย่างงดงาม โดยมีเส้นทางเดินที่เชื่อมโยงสถานที่สำคัญต่างๆ ภายในศูนย์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติสมาธิและการเจริญสติ

ความสำคัญของพุทธมณฑลเชียงใหม่
พุทธมณฑลเชียงใหม่ทำหน้าที่ทั้งเป็นสถานที่สำหรับพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นพื้นที่สงบสำหรับการทำสมาธิและการเติบโตทางจิตวิญญาณศูนย์แห่งนี้กลายเป็นจุดหมายสำคัญสำหรับผู้ที่แสวงหาการพัฒนาตนเองการเสริมสร้างวัฒนธรรมและการเชื่อมโยงกับคุณค่าของพระพุทธศาสนา

พระราชวิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
การก่อตั้งพุทธมณฑลเชียงใหม่สอดคล้องกับโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ซึ่งทรงดำเนินรอยตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงให้ความสำคัญในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาเป็นรากฐานของวัฒนธรรมและคุณธรรมของไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมองว่าศูนย์พุทธมณฑลเช่นพุทธมณฑลเชียงใหม่เป็นสถานที่สำคัญในการศึกษาและปฏิบัติธรรมทั้งในระดับบุคคลและสังคม ศูนย์เหล่านี้จะเป็นโอกาสในการเข้าใจหลักธรรมของพระพุทธศาสนาและบูรณาการค่านิยมเหล่านี้เข้าในชีวิตประจำวัน เพื่อพัฒนาความดีงามและคุณธรรม

การพัฒนาใต้พระราชนำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
ภายใต้พระราชนำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พุทธมณฑลเชียงใหม่ได้รับการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาทางจิตวิญญาณและการปฏิบัติธรรมที่ครบวงจร การพัฒนาเหล่านี้รวมถึง:

  • การก่อสร้างรูปปั้นพระพุทธรูปขนาดใหญ่และเจดีย์ขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์สำคัญ

  • การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยและสิ่งแวดล้อมที่ธรรมชาติสงบเหมาะสำหรับการทำสมาธิและการเจริญสติ
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ยังทรงสนับสนุนโครงการพระพุทธศาสนาระดับโลก รวมถึง:

  • การส่งเสริมคำสอนของพระพุทธศาสนาไปทั่วโลก

  • การส่งเสริมการฝึกอบรมทางจิตวิญญาณและการศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจในหลักธรรมข

พระพุทธศาสนาในระดับสากลพุทธมณฑลเชียงใหม่จึงเป็นเครื่องหมายที่สะท้อนถึงพระรา

ภารกิจในการรักษาและพัฒนาพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง เป็นสถานที่สำหรับการเติบโตทางจิตวิญญาณและการเสริมสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมของไทย

พุทธมณฑลเชียงใหม่ ตั้งอยู่ในอำเภอดอยหล่อ ก่อตั้งขึ้นในต้นปี 2024 ภายใต้การนำของพระเทพมงคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน และพระมหาเถระเจ้าผู้ปกครองจังหวัดเชียงใหม่โดยศูนย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนาในประเทศไทยและเป็นสถานที่ที่สะท้อนถึงพระราชวิสัยทัศน์ในการสร้างพื้นที่สำหรับการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติธรรมที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน ศูนย์แห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญในการศึกษาพระพุทธศาสนาและการปฏิบัติธรรม สร้างเสริมวิถีชีวิตที่ยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นจุดหมายปลายทางของผู้ศรัทธาและผู้มาเยือนที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาและทำบุญตลอดทั้งปี โดยศูนย์แห่งนี้ได้รับการดูแลจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติซึ่งได้ผสมผสานองค์ประกอบทางศิลปะและสถาปัตยกรรมตามแบบฉบับของพระพุทธศาสนา รวมถึงเจดีย์ขนาดใหญ่ รูปปั้นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ สระน้ำสงบ และสวนที่ตกแต่งอย่างงดงาม โดยมีเส้นทางเดินที่เชื่อมโยงสถานที่สำคัญต่างๆภายในศูนย์ซึ่งออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติสมาธิและการเจริญสติ

ความสำคัญของพุทธมณฑลเชียงใหม่
พุทธมณฑลเชียงใหม่ทำหน้าที่ทั้งเป็นสถานที่สำหรับพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นพื้นที่สงบสำหรับการทำสมาธิและการเติบโตทางจิตวิญญาณ ศูนย์แห่งนี้กลายเป็นจุดหมายสำคัญสำหรับผู้ที่แสวงหาการพัฒนาตนเอง การเสริมสร้างวัฒนธรรมและการเชื่อมโยงกับคุณค่าของพระพุทธศาสนา


พระราชวิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10

การก่อตั้งพุทธมณฑลเชียงใหม่สอดคล้องกับโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10ซึ่งทรงดำเนินรอยตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9พระองค์ทรงให้ความสำคัญในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาเป็นรากฐานของวัฒนธรรมและคุณธรรมของไทยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมองว่าศูนย์พุทธมณฑลเช่นพุทธมณฑลเชียงใหม่เป็นสถานที่สำคัญในการศึกษาและปฏิบัติธรรมทั้งในระดับบุคคลและสังคมศูนย์เหล่านี้จะเป็นโอกาสในการเข้าใจหลักธรรมของพระพุทธศาสนาและบูรณาการค่านิยมเหล่านี้เข้าในชีวิตประจำวัน เพื่อพัฒนาความดีงามและคุณธรรม


การพัฒนาใต้พระราชนำของ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

รัชกาลที่ 10

ภายใต้พระราชนำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พุทธมณฑลเชียงใหม่ได้รับการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาทางจิตวิญญาณและการปฏิบัติธรรมที่ครบวงจร การพัฒนาเหล่านี้รวมถึง:

  • การก่อสร้างรูปปั้นพระพุทธรูปขนาดใหญ่และเจดีย์ขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์สำคัญ

  • การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยและสิ่งแวดล้อมที่ธรรมชาติสงบเหมาะสำหรับการทำสมาธิและการเจริญสติ
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ยังทรงสนับสนุนโครงการพระพุทธศาสนาระดับโลก รวมถึง:

  • การส่งเสริมคำสอนของพระพุทธศาสนาไปทั่วโลก

  • การส่งเสริมการฝึกอบรมทางจิตวิญญาณและการศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจในหลักธรรมของพระพุทธศาสนาในระดับสากล

พุทธมณฑลเชียงใหม่จึงเป็นเครื่องหมายที่สะท้อนถึงพระราชภารกิจในการรักษาและพัฒนาพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองเป็นสถานที่สำหรับการเติบโตทางจิตวิญญาณและการเสริมสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมของไทย

พระเทพมังคลาจารย์ (สมาน กิตฺติโสภโณ)
เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่

พระเทพมังคลาจารย์ (สมาน กิตฺติโสภโณ)
เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่

พระเทพมังคลาจารย์ (สมาน กิตฺติโสภโณ)
เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่

พระเทพมังคลาจารย์ เดิมชื่อ สามัญ จุ่นหอม เกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2493 ณ บ้านเลขที่ 36 หมู่ที่ 3 ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรของนายไผ่ จุ่นหอม และนางทุมมา จุ่นหอม

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ 20 ได้มีพระบัญชาสถาปนาพระเทพมังคลาจารย์ (สมาน กิตฺติโสภโณ) ซึ่งมีอายุ 73 ปี พรรษา 53 มีคุณวุฒินักธรรมเอก และปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ด้านพระพุทธศาสนา ท่านดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าตอน พระอารามหลวง ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งดูแลและปกครองวัดมหานิกายในเชียงใหม่ทั้งหมด 1,299 วัด

พระเทพมังคลาจารย์ (สมาน กิตฺติโสภโณ) เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ มีดำริจัดตั้งโครงการ “พุทธมณฑลเชียงใหม่” ที่อำเภอดอยหล่อ เพื่อส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและการปฏิบัติธรรม โดยมีเป้าหมายสร้าง "พุทธสมณฑลเชียงใหม่" อำเภอดอยหล่อให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาธรรมะและการพัฒนาจิตวิญญาณสำหรับพุทธศาสนิกชน ทั้งในระดับท้องถิ่นและนานาชาติ

โครงการนี้มุ่งเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นศูนย์รวมศาสนาอันสง่างาม ต้อนรับผู้คนจากทั่วโลก เพื่อเรียนรู้คำสอนของพระพุทธเจ้าในบรรยากาศแห่งความสงบและสง่างาม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของพระเทพมังคลาจารย์ในการสร้างสังคมที่ยึดมั่นในคุณธรรม เพื่อความกลมเกลียวและสันติสุข โดยยึดหลักความเมตตาและปัญญาเป็นที่ตั้ง

พระเทพมังคลาจารย์ เกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2493 บ้านเลขที่ 36 หมู่ที่ 3 ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรชายของนายไผ่ จุนหอม และนางธรรม จุนหอม พระเทพมังคลาจารย์ได้เล็งเห็นถึงโครงการ“พุทธมณฑลเชียงใหม่” ที่เป็นความคิดริเริ่มที่สำคัญในการส่งเสริมคำสอนของพระพุทธศาสนาและคุณค่าทางจิตวิญญาณ ทรงมีพระประสงค์ที่จะสร้าง "อนุสรณ์สถานดอยหล่อ"เพื่อเป็นสถานที่ศึกษาธรรมะและการปฏิบัติพระพุทธศาสนาแก่ฆราวาสตลอดจนเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่จะส่งเสริมการพัฒนาจิตวิญญาณและยึดมั่นในหลักพระพุทธศาสนาวิสัยทัศน์ของพระเทพมังคลาจารย์ที่มีต่ออนุสาวรีย์ดอยหล่อได้แก่การพัฒนาพื้นที่ให้เป็นสถานที่ทางศาสนาและจิตวิญญาณที่สำคัญโดยเฉพาะการส่งเสริมการศึกษาธรรม การสร้างที่พักสำหรับผู้ที่ต้องการปฏิบัติธรรม และจัดให้มีพื้นที่สำหรับกิจกรรมทางศาสนาเช่นการเทศน์การสวดมนต์และการทำสมาธิ การก่อสร้างอนุสาวรีย์ดอยหล่อจะเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางทางศาสนาต้อนรับผู้คนจากทั่วประเทศและต่างประเทศที่สนใจเรียนรู้และปฏิบัติธรรมนอกจากนี้ยังจะทำหน้าที่เป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถมีส่วนร่วมและสัมผัสคำสอนของพระพุทธเจ้าในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและมีเกียรติ โดยรวมแล้ว วิสัยทัศน์ของพระเทพมังคลาจารย์ในโครงการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเผยแพร่คำสอนของพระพุทธศาสนาและสร้างสังคมที่ดำรงอยู่ด้วยค่านิยมทางศีลธรรมและความสงบสุขตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

พระเทพมังคลาจารย์ เกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2493 บ้านเลขที่ 36 หมู่ที่ 3 ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรชายของนายไผ่ จุนหอม และนางธรรม จุนหอม พระเทพมังคลาจารย์ได้เล็งเห็นถึงโครงการ“พุทธมณฑลเชียงใหม่”ที่เป็นความคิดริเริ่มที่สำคัญในการส่งเสริมคำสอนของพระพุทธศาสนาและคุณค่าทางจิตวิญญาณทรงมีพระประสงค์ที่จะสร้าง"อนุสรณ์สถานดอยหล่อ"เพื่อเป็นสถานที่ศึกษาธรรมะและการปฏิบัติพระพุทธศาสนาแก่ฆราวาสตลอดจนเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่จะส่งเสริมการพัฒนาจิตวิญญาณและยึดมั่นในหลักพระพุทธศาสนาวิสัยทัศน์ของพระเทพมังคลาจารย์ที่มีต่ออนุสาวรีย์ดอยหล่อได้แก่การพัฒนาพื้นที่ให้เป็นสถานที่ทางศาสนาและจิตวิญญาณที่สำคัญ โดยเฉพาะการส่งเสริมการศึกษาธรรมการสร้างที่พักสำหรับผู้ที่ต้อง การปฏิบัติธรรมและจัดให้มีพื้นที่สำหรับกิจกรรมทางศาสนา เช่น การเทศน์ การสวดมนต์ และ การทำสมาธิ การก่อสร้างอนุสาวรีย์ดอยหล่อจะเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางทางศาสนา ต้อนรับผู้คนจากทั่วประเทศและต่างประเทศที่สนใจเรียนรู้และปฏิบัติธรรม นอกจากนี้ยังจะทำหน้าที่เป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถมีส่วนร่วมและสัมผัสคำสอนของพระพุทธเจ้าในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและมีเกียรติ โดยรวมแล้ว วิสัยทัศน์ของพระเทพมังคลาจารย์ในโครงการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเผยแพร่คำสอนของพระพุทธศาสนาและสร้างสังคมที่ดำรงอยู่ด้วยค่านิยมทางศีลธรรมและความสงบสุขตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

ภารกิจของเรา

  • ส่งเสริมการศึกษาและการปฏิบัติธรรม เป็นศูนย์กลางการศึกษา การสอน และการปฏิบัติธรรม เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนนำหลักธรรมไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อพัฒนาคุณธรรมและจิตวิญญาณ

  • สนับสนุนการเจริญสมาธิและสติปัญญา จัดเตรียมสถานที่และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการฝึกสมาธิ การเจริญสติ และการสะท้อนจิตใจสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาจิตวิญญาณ

  • อนุรักษ์และเผยแพร่มรดกทางพระพุทธศาสนา รักษาศิลปะ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา พร้อมเผยแพร่ความงดงามและคุณค่าของมรดกทางศาสนาแก่ผู้เยี่ยมชมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

  • สร้างความร่วมมือในชุมชน เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนชาวพุทธและประชาชนทั่วไปผ่านกิจกรรม งานบุญ และโครงการต่าง ๆ ที่ส่งเสริมคุณธรรมและความสามัคคีในสังคม

  • เผยแผ่พระพุทธศาสนาในระดับสากล เป็นศูนย์กลางความร่วมมือทางพระพุทธศาสนาระหว่างประเทศ เพื่อเผยแผ่หลักธรรมและสร้างความเข้าใจ ความเมตตา และสันติภาพในระดับโลก

  • การดูแลสิ่งแวดล้อม รักษาความงดงามของธรรมชาติในบริเวณโดยรอบ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับการปฏิบัติธรรมและการรวมตัวของชุมชน

พุทธมณฑล

เชียงใหม่

หมู่บ้านโทกเสือ ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ

จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย 50160

©2024 Phutthamonthon Chiang Mai

พุทธมณฑล

เชียงใหม่

หมู่บ้านโทกเสือ ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ

จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย 50160

©2024 Phutthamonthon Chiang Mai

พุทธมณฑล

เชียงใหม่

หมู่บ้านโทกเสือ ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ

จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย 50160

©2024 Phutthamonthon Chiang Mai